Google search engine
หน้าแรกข่าวล่าสุดชาวบ้านสารคาม ปลูกหญ้าเลี้ยงสัตว์ขายหน้าแล้ง ทำเงินรอบละ 2 หมื่น/ไร่

ชาวบ้านสารคาม ปลูกหญ้าเลี้ยงสัตว์ขายหน้าแล้ง ทำเงินรอบละ 2 หมื่น/ไร่

-

เกษตรกรบ้านหนองทุ่ม เจ้าของบ้านสวนภูระวี จ.มหาสารคาม เปลี่ยนที่นา 40 ไร่เดิมที่ปลูกข้าว ปลูกหญ้าเลี้ยงสัตว์ เพื่อตัดขายให้กับเกษตรกรที่เลี้ยงวัว ควายในพื้นที่ โดยปลูกเอาไว้กว่า 10 สายพันธุ์ ตัดหญ้าสดขายได้รอบละ 2 หมื่นต่อไร่ โดย 1 ปีตัดได้ถึง 8 รอบ

เมื่อวันที่ 20 ก.พ.2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านสวนภูระวี บ้านหนองทุ่ม อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม มีเกษตรกรที่ใช้พื้นที่ 40 ไร่เศษ ปรับเปลี่ยนมาปลูกหญ้าเลี้ยงสัตว์ เพื่อตัดขายให้กับเกษตรกรที่เลี้ยงวัว ควายในพื้นที่ ในช่วงหน้าแล้ง รายได้ดีเดือนละเป็นแสนบาท จึงลงพื้นที่ไปตรวจสอบพบกับ นางสาวกานต์รวี บัวบุญ เจ้าของบ้านสวนภูระวี เพื่อสอบถามถึงการปลูกหญ้าเลี้ยงสัตว์ขายเป็นรายได้

นางสาวกานต์รวี กล่าวว่า ในพื้นที่จังหวัดมหาสารคามไม่มีภูเขาเป็นพื้นที่ราบลุ่ม เป็นพื้นที่นอกเขตชลประทานเป็นส่วนใหญ่ของจังหวัด ทำให้การปลูกข้าวได้แค่ปีละครั้ง จากการรอฤดูฝน เพื่อทำนา พอไม่ได้ทำนาชาวบ้านก็จะหันมาเลี้ยงสัตว์ในช่วงหน้าแล้ง ทั้งวัว ควาย เลยเริ่มมีปัญหาไม่มีหญ้าสดให้กินมีแต่ฟางข้าว เลยได้คิดหาพันธุ์หญ้ามาจากทั่วประเทศเพื่อปลูกในที่นาของบ้านเราได้ พอมาปลูกหญ้าแล้วก็เริ่มรู้ว่าการปลูกหญ้าดีกว่าการทำนาข้าวมาก เลยได้ปรับเปลี่ยนที่นาของตนเองทั้งหมด มาเป็นแปลงหญ้า

เจ้าของบ้านสวนภูระวี กล่าวต่อว่า ขณะนี้ ที่ฟาร์มเรา มีหญ้า 10 สายพันธุ์ คือ หญ้าไนล์ หญ้าหลงซุปเปอร์ หญ้ามันมาเลย์ หญ้าขนไม่มีขน หญ้าเภา หญ้าหวายข้อ หญ้ามันสยาม ในการปลูกหญ้าก็ไม่ยากหลังจากที่เราไถหน้าดินแล้วก็ปล่อยน้ำสูงประมาณ 10 ซม.ลงไป จากนั้นก็ หว่านอย่างสม่ำเสมอให้ทั่วแปลงแล้วใช้ท่อนไม้ไผ่หรือท่อพีวีซี นาบกดท่อนพันธุ์หญ้าให้จมน้ำ แช่ทิ้งไว้ประมาณ 1 สัปดาห์ ท่อนพันธุ์จะสัมผัสดิน จากนั้น 25-30 วันก็ตัดขายได้แล้ว ใช้น้ำน้อยกว่าปลูกข้าวหลายเท่า

นางสาวกานต์รวี กล่าาวอีกว่า พอเข้าช่วงหน้าแล้งแบบนี้ยิ่งไม่มีหญ้าสดให้สัตว์เลี้ยง ทำให้ชาวบ้านมาซื้อหญ้าสดจากฟาร์มเราจำนวนมาก เราขายเป็นเข่งละ 50 บาท น้ำหนักประมาณ 25 กิโลกรัม รายได้ที่ได้กลับมาดีกว่าทำนามาก ในการปลูกหญ้าปีหนึ่งสามารถตัดขายได้ 8 ครั้ง มีปริมาณ 4 ตัน ต่อไร่ ตัดขายในราคา กิโลกรัมละ 5 บาท ตัดรอบหนึ่งก็ได้เงินประมาณ 20,000 บาทต่อไร่ ทั้งปีเราขายได้เป็นแสนบาทต่อไร่แล้ว แต่ถ้าเราปลูกข้าวนาปี ปลูกได้แค่ปีละครั้งปลูกข้าวไร่หนึ่งได้ปริมาณ 500 กก.ราคาก็อยู่ที่ 12 บาท ก็ได้เงินแค่ 6,000 บาท นี่ยังไม่หักค่าปุ๋ยค่าแรง แถมปลูกได้แค่ปีละครั้ง.

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

- Advertisment -spot_img

ข่าวล่าสุด

ร้านทุเรียนหมอนทอง “ชามิล ชายัง” ของดีเมืองตานี มีไอศครีมสูตรเด็ด

“ปัตตานี” เมืองขนาดเล็กตั้งอยู่บนปลายด้ามขวาน ที่มีความอุดมสมบูรณ์ด้านอาหารทะเลและผลไม้ที่ขึ้นชื่อมากมาย หนึ่งในนั้น “ทุเรียนหมอนทอง” ที่เกษตรกรในท้องถิ่นนิยมปลูกกันจำนวนมาก โดยเฉพาะ “ทุเรียนนหมอนทอง ทรายขาว”  ตั้งอยู่พื้นที่อ.โคกโพธิ์ ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนพืช GI ส่งผลให้ “ทุเรียนหมอนทองทรายขาว” กลายเป็นของดีท้องถิ่น เป็นที่นิยมกันแพร่หลายของผู้บริโภค สร้างชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วอาเซียน โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลย์ฯ ถ้าเดินทางมาเที่ยวปัตตานี เยี่ยมญาติ จะแวะหาทุเรียนพันธุ์ดีมาให้ชิมกัน หนึ่งแม่ค้าขายทุเรียนหมอนทองที่โด่งดังของเมืองปัตตานีอีกร้านหนึ่ง “ร้านชามิล ชายัง” ร้านลับ แต่ไม่ลับ...