“รุ่งเจริญ จิวเวลรี่” ครองใจคนไทยมากว่า 60 ปี ด้วยความเชี่ยวชาญในการออกแบบและรังสรรค์เครื่องประดับและวัตถุมงคลที่ผสานศรัทธาในฝีมือดั้งเดิมเข้ากับดีไซน์ทันสมัย ทุกชิ้นงานสะท้อนความงดงาม ศักดิ์สิทธิ์ และสร้างมูลค่าเพิ่ม พร้อมรังสรรค์แฟชั่นไทยให้โดดเด่นเหนือระดับ เตรียมขยายตลาดสู่สายตาชาวโลกด้วยแนวคิด “พลังศรัทธาสู่แฟชั่นที่ทันสมัย” ผสานนวัตกรรม ความคิดสร้างสรรค์ และคุณภาพระดับลักชัวรี ทำให้ “รุ่งเจริญ” เป็นแบรนด์เครื่องประดับไทยที่ทั้งสวยงาม ทรงคุณค่า และพร้อมสร้างแรงดึงดูดในตลาดระดับโลก
นางสาวน้ำฝน บ่อแก้ว ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ และนักออกแบบจิวเวลรี่ กล่าวว่า “รุ่งเจริญ จิวเวลรี่ คือเรื่องราวของความมุ่งมั่น ความคิดสร้างสรรค์ และความเชื่อมั่นที่สืบต่อมากว่า 60 ปี เริ่มต้นจากครอบครัวช่างฝีมือผู้บุกเบิกที่อพยพจากประเทศจีนมาสู่ประเทศไทย ภายใต้ชื่อแรกว่า ‘โอ้วเซ่งฮวด’ โดยเริ่มต้นจากการทำนาค (Pink Gold) ผลิตเข็มขัดนาคส่งให้ร้านทองทั่วไป เมื่อเวลาผ่านไปและความนิยมของนาคลดลง ครอบครัวจึงปรับตัวสู่การทำทองแท้ทั้งทอง 90% และทอง 100% โดยอาศัยความรู้ดั้งเดิมในการผสมและรีดทอง การเปลี่ยนผ่านครั้งนั้นถือเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้ธุรกิจสามารถอยู่รอดและเติบโตอย่างมั่นคง”
“กว่า 6 ทศวรรษที่ผ่านมา รุ่งเจริญได้พิสูจน์ให้เห็นว่าการผสานศรัทธาเข้ากับแฟชั่นและนวัตกรรมการออกแบบคือกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ เราเริ่มจากครอบครัวช่างฝีมือผู้บุกเบิก และสร้างชื่อเสียงด้วยการผลิตเข็มขัดนาค ก่อนพัฒนาสู่ทองแท้และเครื่องประดับคุณภาพสูง จนเกิดเป็นแบรนด์รุ่งเจริญที่มีเอกลักษณ์และความโดดเด่นในตลาด เป็นที่ยอมรับของทั้งชาวไทยและต่างชาติ”
นางสาวน้ำฝน กล่าวต่อว่า “สิ่งที่ทำให้รุ่งเจริญแตกต่าง คือความสามารถในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับวัตถุมงคล เราเริ่มต้นด้วยกลยุทธ์การร่วมมือกับวัด เพื่อนำวัตถุมงคลชื่อดังมาเลี่ยมกรอบทองและส่งต่อให้นักท่องเที่ยว ซึ่งกลายเป็นจุดขายที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ หรือ ‘Grand Core’ ที่เรายึดถือมาจนถึงทุกวันนี้ ผลิตภัณฑ์ของเราไม่ใช่เพียงกรอบพระธรรมดา แต่ถูกออกแบบให้สวยงาม เหมาะกับคนยุคใหม่ และบางชิ้นยังผ่านพิธีปลุกเสกเพื่อเพิ่มความศักดิ์สิทธิ์ เชื่อมโยงพลังศรัทธาสู่ดีไซน์ที่สร้างมูลค่าให้ผู้สวมใส่ เช่น ชุดพระ 12 นักษัตร ซึ่งถือเป็นสินค้าซิกเนเจอร์ของแบรนด์ สิ่งเหล่านี้ทำให้วัตถุมงคลดั้งเดิมของไทยมีชีวิตชีวาและสามารถเข้าถึงตลาดสากลได้อย่างลงตัว”
รุ่งเจริญดำเนินงานในฐานะโรงงานผลิตโดยตรง สามารถผลิตได้สูงสุดถึง 10,000 ชิ้นต่อวัน และรับงานสั่งทำพิเศษ (Make to Order/OEM) ตามความต้องการของลูกค้า ทั้งงานฝังเพชรหรือวัตถุมงคลเฉพาะทาง โรงงานของรุ่งเจริญช่วยให้สามารถควบคุมคุณภาพทองและราคาขายส่งได้อย่างเต็มที่ ผลิตโดยใช้ทองคำคุณภาพสูงในระดับ 75%, 80% และ 90% ซึ่งเทียบตามมาตรฐานทองคำไทย 96.5% รับประกันทองแท้ พร้อมนโยบายรับซื้อคืนตามราคาสมาคม และได้รับใบประกาศ “Buy with Confidence” จากกระทรวงพาณิชย์ สร้างความมั่นใจแก่ลูกค้าอย่างแท้จริง
ผลิตภัณฑ์ของรุ่งเจริญครอบคลุมตั้งแต่กรอบพระทองคำหลากหลายรูปแบบ พระเลี่ยมทองสำเร็จรูปผ่านพิธีปลุกเสก วัตถุมงคลดีไซน์เฉพาะ เช่น ชุดพระ 12 นักษัตร บริการสั่งทำพิเศษ (OEM) ขั้นต่ำ 50 ชิ้น รวมถึงเครื่องประดับแฟชั่น เช่น ต่างหูและสร้อยคอที่ออกแบบทันสมัย โดยสามารถปรับน้ำหนักทองเพื่อควบคุมราคาให้เหมาะสมได้ตามต้องการ
นางสาวน้ำฝน กล่าวปิดท้ายว่า “โมเดลธุรกิจของรุ่งเจริญเน้นการขายแบบ B2B มีทีมขาย 12 คน ครอบคลุมทุกภูมิภาคของไทย สัดส่วนการตลาดลูกค้าไทย 50% โดยลูกค้าส่วนใหญ่เป็นร้านทองกว่า 300 แห่ง และต่างประเทศคิดเป็นสัดส่วน 50% ครอบคลุมจีน ไต้หวัน ฮ่องกง เวียดนาม และสิงคโปร์ นอกจากนี้ เรายังใช้ช่องทางออนไลน์และโซเชียลมีเดีย เช่น LINE, Instagram และ Facebook เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าในการสั่งซื้อและติดตามข่าวสาร ทำให้แบรนด์สามารถเข้าถึงลูกค้าไทยและต่างประเทศได้อย่างทั่วถึง
ในอนาคต รุ่งเจริญตั้งใจรักษาฐานลูกค้าเดิมควบคู่กับการสร้างช่องทางจัดจำหน่ายใหม่ในตลาดต่างประเทศ การออกแบบที่ทันสมัยจะเป็นหัวหอกสร้างเอกลักษณ์ให้แบรนด์รุ่งเจริญเป็นที่รู้จักในฐานะผู้นำที่ผสานศรัทธาและแฟชั่นได้อย่างลงตัว อีกหนึ่งก้าวสำคัญของเรา คือการเข้าร่วมงาน JGAB 2026 ซึ่งเป็นโอกาสที่จะได้พบลูกค้าต่างชาติรายใหม่ เปิดตลาดยุโรปและเอเชีย และสร้างการรับรู้แบรนด์ของเราสู่สายตาชาวโลก งาน JGAB 2026 ไม่เพียงเป็นเวทีทางธุรกิจ แต่ยังเป็นโอกาสให้โลกได้เห็นศักยภาพและเอกลักษณ์ของวัตถุมงคลไทยที่ผสานศรัทธาและแฟชั่นได้อย่างลงตัว”
“รุ่งเจริญ จิวเวลรี่” คือมากกว่าร้านทองทั่วไป แต่คือสัญลักษณ์ของศรัทธา คุณภาพ และนวัตกรรม ทุกชิ้นงานสะท้อนประวัติศาสตร์กว่า 60 ปีแห่งความมุ่งมั่น ความคิดสร้างสรรค์ และความเชื่อมั่น ที่แบรนด์ส่งต่อให้ผู้บริโภคทั้งไทยและต่างประเทศอย่างแท้จริง
