ชั่วโมงนี้ เชื่อว่าแฟนหมัดมวยไทยและชาวต่างชาติ คงปฎิเสธไม่ได้ว่าไม่รู้จัก ซุปเปอร์ฮีโร่ นักมวยไทยฝีมือดีคนนี้ไปได้ “ตะวันฉาย พี.เค.แสนชัย” หรือ “ณรงค์ศักดิ์ แก้วมาลา” ชื่อเล่นเพื่อนๆเรียกสมัยเด็กๆว่า “ไอ้กันต์” ลูกชายหัวแก้ว หัวแหวนของ คุณพ่อบุญสงฆ์ อุปนิสัยมีใจรักกีฬามวยไทยมาตั้งแต่เด็ก จนกระทั่งอายุ 7-8 ขวบ คุณพ่อขับรถผ่านเมืองพัทยา เห็นนักมวยชกกันบนเวที จึงมีความอยากที่จะขึ้นชกมวยเหมือนกับรุ่นพี่ๆบ้าง
ทางคุณพ่อตัดสินใจ ส่งไปฝึกหัดมวยที่ค่ายเพชรรุ่งเรือง ของครูนุ อดีตมวยดังจากเมืองพัทยา โดยมี “อนันต์ศักดิ์ เปียปลื้ม” เป็นครูมวยคนแรก หลังจากได้เรียนรู้ศิลปะมวยไทย พอที่ขึ้นเวทีชกได้ ช่วงแรกๆได้โอกาสมาชกโชว์ตามเวทีในบาร์พัทยา ซึ่งมีชาวต่างชาตินิยมดูกัน ใช้ชื่อ” จตุคาม เพชรรุ่งเรือง” ได้ค่าตัว 800 บาท ครั้งนั้นชนะน็อคคู่ตัวสู้ จนเริ่มสร้างชื่อเสียงขึ้นมา เป็นที่รู้จักกันในแถวพัทยาและภาคตะวันออก กระทั่งได้โอกาสมาขึ้นเวทีลุมพินีครั้งแรกเมื่ออายุแค่14 ปี ช่วงที่เดินสายชกมวยตามเวทีต่างๆ เลยได้มารู้จักกับ “พระจันทร์ฉาย พี.เค.แสนชัย” และยังเป็นนักมวยไอดอลของเขา ที่ให้เคารพนับถือเหมือนพี่ชาย จึงได้พูดคุยกับผู้ใหญ่หัวหน้าค่าย พี.เค.แสนชัย จำเป็นต้องย้ายจากพัทยาเข้ามาเรียนหนังสือที่กรุงเทพฯ
ทีมงานทางค่ายตั้งชื่อนักมวยใหม่ “ตะวันฉาย พี.เค.แสนชัย” นับจากนั้นเหมือนแสงพระอาทิตย์ส่องเส้นทางชีวิตนักมวย “ตะวันฉาย” เริ่มโด่งดังขึ้นมา ด้วยความมุ่งมั่น มีวินัย ขยันฟิตซ้อม จนได้แชมป์สมาคมกีฬามวยไทยนายขนมต้ม (รุ่น140ปอนด์) และปี 61 ปีทองของ “ตะวันฉาย” คว้ารางวัลเกียรติยศ จากสนามมวยลุมพินี และรางวัลนักมวยอาชีพดีเด่น การกีฬาแห่งประเทศไทย จนสื่อมวลชนตั้งฉายา “ซ้ายดารา” ด้วยลีลาการชก การเตะที่มีอาวุธแพรวพราว ออกหมัดรวดเร็ว ครบเครื่องเรื่องเตะ ต่อย ศอก เข่า แก้เกมคู่ต่อสู้ได้ฉับไว ออกหมัดตรงเป้าหมาย จนสร้างชื่อเป็นที่รู้จักกันวงกว้าง
“ตะวันฉาย” ไม่เพียงแค่นักชกหน้าหยก รูปหล่อ สุภาพชน เขายังเป็นขวัญใจแฟนหมัดมวยสาวๆ เจอ”ตะวันฉาย” ที่ไหน จะมีเสียงกรี๊ด ด้วยความหล่อทรมานใจสาว กลายเป็นขวัญใจสาวไทยและต่างชาติ มีแฟนคลับมากมาย ความหล่อระดับดาราของเขาขึ้นแท่นพระเอกมิวสิค วีดีโอ “เพลงปาล์มมี่” อีฟ ปานเจริญ ในเพลงซังได้ซังแล้ว และเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ได้เริ่มเปิดเพลงให้แฟนๆรับฟัง จนขึ้นอันดับ 1 TRENDING บนยูทูป (เทรนที่มาแรง มีผู้ชมระดับ3.1ล้านคนแค่สัปดาห์เดียว) นอกจากนั้น ได้เป็นพรีเซ็นเตอร์สินค้าตามมา
พลิกชีวิตเด็กหนุ่มจากชีวิตในอดีตเคยลำบาก ตะวันฉายเล่าว่า ”สมัยเด็กๆครอบครัวมีความพร้อม ไม่ค่อยลำบากมากนัก แต่พอครอบครัวแบกภาระหนีสิ้นเยอะ ต้องขายเรือ ขายรถ ขายบ้าน พ่อแม่แยกทางกัน ต้องมาอยู่ห้องเช่าเล็กๆ สมัยนั้น 6 ขวบพ่อไปไหน ผมไปนั้น พ่อขับมอเตอร์ไซด์ ผมนั่งซ้อนท้าย ยามว่างจะมานั่งดูมวยช่อง 7 ชกกัน จึงบอกกับพ่อว่า อยากชกมวย ก็เอามาฝากค่ายมวยพัทยา ชกต่อยโชว์ตามบาร์ ได้ทิปจากฝรั่ง 700บาท ดีใจมาก”
เรื่องชกมวยที่เอาจริง เอาจัง แบบฉบับมืออาชีพตอนอายุ 14 ปี เข้ามาฝึกซ้อมที่กรุงเทพฯ จนมีชื่อได้ค่าตัว 5 หมื่น คว้าแชมป์ได้เข็มขัดมาหนึ่งเส้น จนอายุ 20-21ปี ได้โอกาสเข้ามาขึ้นเวทีมวย วัน แชมป์เปี้ยนชิพ มีคนดูทั้งประเทศและต่างประเทศได้รู้จักชื่อเสียงตน จนกระทั่งคว้าแชมป์โลก มวยONE รุ่นเฟเธอร์เวต ล่าสุดเพิ่งผ่านไป ชนะคะแนนนักมวยรุ่นพี่ “ซุปเปอร์บอน” ในศึกลุมพินี 46 เมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งเป็นที่ประจักษ์สายตาคอมวยทั่วโลก ทั้งคู่ชกกันอย่างดุเดือดถ่ายทอดศิลปะมวยไทยให้ชาวโลกรู้จักกัน และในอนาคตอาจได้เห็นคู่นี้ โคจรมาเจอกันอีกครั้ง
ตะวันฉายกล่าวถึงบนเวทีการชกมวย ONE ว่า พอได้คว้าเข็มขัดแชมป์โลก ชีวิตเปลี่ยนมาก ไม่ใช่แค่ชกมวยอย่างเดียว ทำให้ชื่อเสียงตน ชาวโลกรู้จักกัน ยังมีงานพรีเซ็นเตอร์ต่างๆเข้ามา และที่สำคัญ ได้ค่าตัวสูง ทางทีมงานค่ายวันดูแลอย่างดี จนทำให้ตนมีสถานะที่ดีขึ้น
นี่คือ ความฝันนักมวยไทย ที่พลิกจากเด็กบ้านอก ใช้ชีวิตริมทะเล แต่มีความฝันอยากชกมวย จนมีความมุ่งมั่นตามเส้นทางที่ขีดไว้ สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย น่าเป็นอีกตัวอย่างหนึ่ง ของยอดนักสู้บนสังเวียนที่คว้าแชมป์โลกมวยวัน มาได้วันนี้